การบริกรรมภาวนา

  • การเจริญสติด้วยการกำหนด "พอง-ยุบ" เป็นวิธีที่เน้นการรู้ตามความเป็นจริงของกายและใจ ไม่บังคับ ไม่ดึง ไม่ดัน ไม่ยก ไม่กด เพียงรับรู้และกล่าวในใจตามการเคลื่อนไหวของท้องเท่านั้น เช่น ขณะที่ท้องพองออก ให้กำหนดในใจว่า "พอง...อยู่" และเมื่อท้องยุบ ให้กำหนดว่า "ยุบ...อยู่" โดยไม่ต้องออกเสียง การปฏิบัติเช่นนี้ทำให้เกิดความต่อเนื่องของสติ
  • เมื่อลมหายใจพองและยุบเกิดขึ้นอย่างเป็นปกติ ผู้ปฏิบัติกำหนดตามการเคลื่อนไหวว่า "พอง...อยู่ ยุบ...อยู่" ไปเรื่อย ๆ หากรู้สึกว่าสติไม่ทันหรือหลุดจากอารมณ์ ก็ไม่ควรไปฝืนหรือบังคับให้พองหรือยุบชัดเจนขึ้น แต่ให้ปรับสติให้ทันตามความเคลื่อนไหวจริงของท้อง โดยไม่กระทำการใด ๆ ที่ขัดกับธรรมชาติของลมหายใจ
  • ในกรณีที่การพอง-ยุบเริ่มเบาลง จนรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ละเอียดขึ้น เช่น ความรู้สึกเบา สงบ หรือนิ่ง อาจเปลี่ยนคำบริกรรมจาก "พอง-ยุบ" เป็น "รู้...อยู่ ๆ ๆ" หรือ "นิ่ง...อยู่ ๆ ๆ" ตามแต่สภาวะที่ปรากฏ เพื่อรักษาความต่อเนื่องของการมีสติ และไม่ให้จิตล่องลอยไปกับอารมณ์อื่น
  • ในระหว่างการปฏิบัติ อาจมีสิ่งเร้าเข้ามากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย หรือใจ เช่น เสียงรถ ความรู้สึกชา เมื่อย ปวด หรือภาพนิมิตต่าง ๆ ขอให้กำหนดรู้ตามความเป็นจริง เช่น ได้ยินเสียง ก็ให้รู้ว่า "ได้ยิน...อยู่ ๆ ๆ" หากเกิดความชา ก็ให้รู้ว่า "ชา...อยู่ ๆ ๆ" ถ้าชาแรงขึ้น ก็รู้ว่า "ชาแรง...อยู่ ๆ ๆ" หรือหากชาเบาลง ก็รู้ว่า "ชาเบา...อยู่ ๆ ๆ" เช่นเดียวกันกับอาการปวด คัน ร้อน เย็น เห็นภาพ เป็นต้น ให้กำหนดตามที่เป็นจริงโดยไม่บังคับ
  • เมื่อมีอารมณ์มากระทบหลายประตูพร้อมกัน เช่น ความคิด ความดีใจ ความไม่พอใจ จิตอาจเผลอไผลออกจากพอง?ยุบ การคุ้มครองประตูทั้งหกคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากรู้ว่าพลาดไป ให้รีบนำสติกลับมากำหนดใหม่ เช่น คิดเรื่องใด ก็ให้รู้ว่า "คิด...อยู่ ๆ ๆ" ดีใจก็รู้ว่า "ดีใจ...อยู่ ๆ ๆ" โกรธก็รู้ว่า "โกรธ...อยู่ ๆ ๆ" ไม่ต้องตัดอารมณ์ แต่ให้มีสติรู้เท่าทันตามจริง
  • การกำหนดเช่นนี้จะทำให้กิเลสไม่สามารถเข้ามาครอบงำได้ง่าย หากปฏิบัติได้ถูกต้อง ไม่เพ่ง ไม่เกร็ง ไม่อยากให้สิ่งใดหายไป และไม่ใส่พลังบังคับลงในอารมณ์ สติและสมาธิจะตั้งมั่น มรรคมีองค์ ๘ ก็จะเกิดขึ้นพร้อมกัน เมื่อมรรคเกิดขึ้น ความพอใจหรือกิเลสต่าง ๆ เช่น โลภะ โทสะ โมหะ จะค่อย ๆ คลายตัวลงไป และจิตก็จะเข้าสู่ความเป็นกลาง
  • เมื่อไม่มีสิ่งใดมากระทบ เช่น เสียงหาย ปวดหาย หรือไม่มีอารมณ์ใดเด่น ก็ให้กลับมากำหนดพอง?ยุบตามเดิม หากไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ก็กำหนดว่า "นิ่ง...อยู่ ๆ ๆ" อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้จิตไม่ว่างเปล่าและไม่หลุดจากการงานทางจิต
  • ในช่วงสุดท้ายของการปฏิบัติ ครูบาอาจารย์จะหยุดการกล่าวนำ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ปฏิบัติเฝ้ารู้และเจริญสติด้วยตนเองอย่างมั่นคง โดยยังคงรักษาท่าทางให้ถูกต้อง ไม่หย่อนยาน ไม่เกร็งจนเกินไป ให้นั่งในลักษณะที่พอเหมาะ พอควร เหมือนพิณที่สายไม่ตึงหรือหย่อนเกินไป เพื่อให้การปฏิบัติสัมฤทธิ์ผล และเกิดมรรคมีองค์แปดอย่างแท้จริง



📅 April 23, 2025, 10:34 am